สาเหตุที่คนนิยมใช้บล็อกลมในการเปลี่ยนยางรถยนต์
แนะนำให้รู้จักบล็อกลมและสาเหตุที่ร้านยางรถยนต์ส่วนใหญ่นิยมใช้
คนขับรถส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการเข้าร้านเปลี่ยนยางบ้าง ปะยางบ้าง และทุกครั้งที่ช่างเริ่มลงมือเปลี่ยนยางรถยนต์ มักจะเห็นช่างหยิบเครื่องมือออกมาและทำการขันนอตด้วยเครื่องมือนั้น ซึ่งจะมีเสียงดังที่เป็นเอกลักษณ์ของบล็อกลม หากเป็นสมัยก่อนหรือบางร้านในปัจจุบัน จะใช้ประแจในการขันนอตที่ล้อรถยนต์ ประแจจัดว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของช่าง แต่ในบางครั้งที่เร่งรีบ การใช้ประแจในการขันนอตจะเสียเวลาอยู่พอสมควร บล็อกลม และ บล็อกไฟฟ้า อาจจะตอบโจทย์มากกว่า
เครื่องมือที่ช่างนิยมใช้ในการขันนอต เช่น บล็อกลม บล็อกไฟฟ้า และบล็อกไร้สาย บล็อกต่างๆ เหล่านี้ เข้ามามีบทบาทในงานช่างมากขึ้น ด้วยความที่มันสะดวกสบาย และช่วยย่นระยะเวลาในการทำงาน เพราะนอตบางตัวถูกขันมาจนแน่นเกินไป ซึ่งการใช้ประแจขันเพื่อคลายนอตนั้น ลำบากและใช้เวลานาน หรือบางครั้งต้องใช้แรงถึง 2 คนในการช่วยกันขันนอต ทำให้เสียเวลา เผลอๆ ถ้าไม่ระวังอาจได้รับบาดเจ็บอีกด้วย มาดูความแตกต่างของบล็อกทั้่ง 3 ชนิดกัน
บล็อกลม คืออะไร
บล็อกลม หรือ Air Impact Wrench เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขันนอตให้แน่น และใช้เพื่อคลายนอตให้หลวม โดยใช้แรงลมเป็นตัวขับเคลื่อนซึ่งต้องทำงานคู่กับปั๊มลม บล็อกลมมีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ลดการใช้แรงในการขันนอตแบบเดิมๆ บล็อกลมเหมาะกับการใช้งานประกอบ งานผลิต งานซ่อมบำรุง หรือตามศูนย์บริการยางรถยนต์ และตามอู่ต่างๆ สามารถแบ่งบล็อกลมออกได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
- บล็อกลมทรงปืน (Piston Grip Model) เหมาะสำหรับการขันนอตทั่วไป
- บล็อกลมทรงกระบอกหรือทรงตรง (Straight Model) เหมาะกับงานในไลน์ประกอบ
- บล็อกลมทรงงอ 90 องศา (Corner Model) เหมาะกับการขันตามซอกและมุมต่างๆ
นอกจากนี้ บล็อกลมยังมีระบบน้ำมัน (Impulse Wrench) ที่ทำงานด้วยแรงอัดน้ำมัน ซึ่งช่วยลดเรื่องเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน
การเลือกใช้งานบล็อกลมควรดูลักษณะงานว่างานนี้งานหนักแค่ไหน นำไปใช้ที่ไหนเป็นหลัก เช่น ใช้ในการซ่อมรถ หรือ ใช้ในการประกอบงานต่างๆ หลังจากนั้น ให้ดูสเปค เช่น ขนาดลูกบล็อกที่นำไปใช้ ขนาดท่อลมต่อและกำลังลม แรงบิดสูงสุด น้ำหนัก ความเร็วต่อรอบ เป็นต้น
ข้อดีของบล็อกลม
ไม่ต้องกังวลว่าใช้บล็อกลมไปแล้วจะทำให้เกิดความร้อนขณะใช้งาน เพราะจริงๆ แล้วบล็อกลมใช้พลังงานจากลม
- อายุการใช้งานยาวนาน
- ราคาไม่แพง
- สะดวก รวดเร็วในการทำงาน
ข้อเสียของบล็อกลม
- ต้องใช้แรงลมอัดอย่างต่อเนื่อง
- ควบคุมความเร็วและแรงบิดได้อย่างจำกัด
วิธีการใช้งานบล็อกลม
- การใช้งานขันเข้า
ให้นำลูกบล็อกที่มีขนาดตามนอตหรือสกรูประกบเข้าที่แกนของบล็อก ขณะที่ประกอบให้สังเกตด้วยว่า ลูกบล็อกกับแกนบล็อกพอดีกันหรือไม่ ถ้าหลวมไปให้เปลี่ยนลูกบล็อกให้พอดีกัน ถ้าฝืนใช้งานจะทำให้แกนบล็อกลมเสื่อมเร็วกว่าปกติ หรืออาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น ลูกบล็อกหลุดออกจากแกนขณะใช้งาน หลังจากนั้น ให้นำนอตและสกูรขันเข้าประกอบกันประมาณ 1-2 เกลียว ก่อนใช้บล็อกลมยิงที่เกียร์ 2 หรือ เกียร์ 3 ในการยิงบล็อกให้ยิงเป็นจังหวะประมาณ 3-4 วินาที - การใช้งานขันออก
การใช้งานขันออก ให้ขันออกที่เกียร์สูงสุดในการยิงบล็อกลม และให้ยิงเป็นจังหวะครั้งละ 4-5 วินาที หากยิงไม่ออกให้ใช้น้ำมันอเนกประสงค์ฉีดกัดให้สนิมออกก่อน แล้วใช้ด้ามขันเพื่อคลายสกูรหรือนอตก่อนแล้วค่อยใช้บล็อกลม
นอกจากนี้ ยังมีบล็อกไฟฟ้าและบล็อกไร้สาย ที่เป็นเครื่องมือในการขันนอตและคลายนอต
บล็อกไฟฟ้า (Corded Electric Impact Wrenches)
บล็อกไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่ใช้ขันและคลายนอตที่ไม่สามารถใช้ประแจขันเพื่อคลายนอตออกได้ บล็อกไฟฟ้าจะมีด้ามจับที่กระชับมือ สะดวกในการทำงาน มีสวิตช์ปรับซ้าย-ขวา เพื่อช่วยขันนอตและคลายนอตออก ใช้งานได้เช่นเดียวกับบล็อกลม เหมาะกับการใช้งานตามศูนย์บริการรถยนต์ ร้านยาง อู่ซ่อมรถ
บล็อกไร้สาย (Cordless-Electric Impact Wrenches)
บล็อกไร้สาย เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการขันนอตและคลายนอต เหมือนบล็อกลมและบล็อกไฟฟ้า บล็อกไร้สายจะใช้แบตเตอรี่่ลิเทียมไอออนหรือนิเกิลแคดเมียมแทนการใช้ไฟฟ้า สามารถชาร์ตได้เมื่อแบตเตอรี่หมด พกพาสะดวก
การเลือกใช้งานบล็อกลมให้เหมาะสม
- ขนาดของหัวจับที่ใช้ (Square Drive)
บล็อกลมมีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน รวมไปถึงลูกบล็อกก็มีให้เลือกหลายขนาดเช่นกัน เช่น- บล็อกลมขนาดหัวจับ ¼ นิ้ว - ใช้งานได้เหมือนไขควงธรรมดา
- บล็อกลมขนาดหัวจับ ⅜ นิ้ว - ลักษณะจะคล้ายปืนพก คอสั้น เหมาะกับการ นำไปใช้ในงานทั่วไปจนถึงงานหนัก
- บล็อกลมขนาดหัวจับ ½ นิ้ว - เป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่า 2 แบบแรก เหมาะกับการใช้ในงานผลิต งานประกอบ งานซ่อมบำรุง มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่า 2 แบบแรก เป็นขนาดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
- บล็อกลมขนาดหัวจับ ¾ นิ้ว - มีขนาดใหญ่ แข็งแรง เหมาะกับการใช้งานทั่วไปจนถึงงานหนักๆ
- แรงบิดสูงสุด (Max Torque)
แรงบิดสูงสุด หรือ ค่าที่แสดงว่าบล็อกลมมีแรงหมุนได้สูงสุดที่เท่าไหร่ มีหน่วยเป็นนิวตันเมตร หรือ ฟุตปอนด์ หากนำไปใช้ในงานทั่วไปเช่น ถอดนอตหรือโบลต์ ในงานซ่อมรถยนต์ อาจเลือกใช้บล็อกลมที่มีแรงบิดที่ประมาณ 500 นิวตัน/เมตร ยิ่งแรงบิดสูงมากเท่าไหร่บล็อกลมก็จะมีความสามารถมากขึ้น ดังนั้น ก่อนการเลือกใช้ ให้สำรวจดูนอตที่ต้องการจะถอดก่อนว่าเป็นสนิมหรือถอดยากหรือไม่ - ขนาดของปั๊มลมและปริมาณลมที่ใช้
ขนาดของปั๊มลมเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะเป็นแหล่งพลังงานเพียงอย่างเดียวสำหรับการใช้งานบล็อกลม หากบล็อกลมกับขนาดของปั๊มลมไม่สัมพันธ์กัน ก็จะไม่สามารถรับพลังงานที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ - คุณภาพ
คุณภาพของบล็อกลมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ควรเลือกซื้อบล็อกลมจากยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือหรือยี่ห้อที่ท้องตลาดนิยมใช้งานกัน บล็อกลมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ควรทำจากโลหะเป็นหลัก ส่วนด้ามจับจะเป็นพลาสติกหรือยางก็ได้ ยิ่งบล็อกลมมีความทนทานมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้ประโยชน์จากบล็อกลมมากเท่านั้น - แรงหมุน รอบ/นาที
ควรเลือกใช้บล็อกลมที่มีแรงหมุนสูงๆ ยิ่งแรงหมุนมากเท่าไหร่ ระยะเวลาในการทำงานก็จะน้อยลงเท่านั้น ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นและเหนื่อยน้อยลง - น้ำหนัก
น้ำหนักมีส่วนทำให้งานเสร็จเร็วหรือช้า สำหรับบล็อกลมทั่วไปหรือแบบคอสั้น น้ำหนักไม่ได้มีผลกับงานเท่าไหร่ แต่หากเป็นการใช้งานหนัก และต้องใช้บล็อกลมขนาด 1 นิ้ว ควรเลือกซื้อรุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่สุด จะทำให้การใช้งานง่าย ไม่เมื่อยไม่ล้า
การดูแลรักษาบล็อกลม
การบำรุงรักษาบล็อกลมให้ใช้งานได้นานๆ ควรใช้น้ำมันไฮโดรลิก เกรดสูง SAE10 หยอดเข้าไปที่ช่องลมเข้า เพื่อทำให้บล็อกลมไม่เกิดสนิมและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบล็อกลม เครื่องมือที่ช่างยนต์และช่างทั่วไปใช้ทำงานกัน สำหรับคุณผู้อ่านที่กำลังต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ยกชุด หรือต้องการหาร้านซ่อมยาง หรือต้องการสลับยางประจำปี ลองขับรถของคุณมาให้ ชัยโชติรวมยาง ได้ดูแล
บริษัท ชัยโชติรวมยาง จำกัด เราเป็นตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ ยางรถบรรทุก ทั้งขายปลีกและขายส่งยางรถยนต์ เรายังมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ และมีแบรนด์ชั้นนำให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น มีทั้ง ยางบริสโตน, ยางโยโกฮาม่า, ยางกู๊ดเยียร์ และยางฮันคุก และยังมีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำแก่ลูกค้าทุกท่าน เพื่อให้ลูกค้าได้ยางใหม่ที่ถูกใจ เหมาะกับการใช้งานและประหยัดงบ