ทำความรู้จักกับประเภทของยางรถยนต์และวิธีการเลือกซื้อให้ตรงกับการใช้งาน
ทำความรู้จักกับประเภทของยางรถยนต์และวิธีการเลือกซื้อให้ตรงกับการใช้งาน

 

ทำความรู้จักกับประเภทของยางรถยนต์และวิธีการเลือกซื้อให้ตรงกับการใช้งาน


ยางรถยนต์ในท้องตลาดแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไรเหมาะกับการใช้งาน

       ยางรถยนต์นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญมากสำหรับรถยนต์คันหนึ่ง เนื่องจากยางรถยนต์เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของรถยนต์ทั้งคัน ดังนั้นการเลือกซื้อยางรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่านควรให้ความใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเองและผู้โดยสาร รวมถึงเพื่อความนุ่มเงียบซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับขี่

 

โดยสไตล์ของการขับรถนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อการเลือกซื้อยางรถยนต์ ดังนั้น เมื่อผู้ขับขี่ต้องการที่จะเปลี่ยนยางรถยนต์ จึงควรเลือกประเภทของยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ของตนเอง ซึ่งสามารถเลือกได้จากยางรถยนต์ทั้ง 5 ประเภท ดังนี้

 

ยางรถยนต์นุ่มเงียบ

 

     ยางรถยนต์ประเภทนุ่มเงียบ หรือ ยาง Comfort เป็นยางรถยนต์ประเภทที่นิยมใช้งานกันมากที่สุด เนื่องจากเป็นยางรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับการใช้งานเพื่อการขับขี่ที่ต้องการความนุ่ม สบาย และเงียบ โดยโครงสร้างของยางจะถูกออกแบบมาให้มีลักษณะของลายดอกยางที่ไม่สมมาตร (Asymmetric) กล่าวคือ ดอกยางด้านในและด้านนอกจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน และช่องว่างของดอกยางจะห่างกันไม่มากนัก ส่งผลให้เมื่อหน้ายางสัมผัสกับพื้นผิวของถนนจึงสามารถกระจายแรงกดได้อย่างสม่ำเสมอ และช่วยลดแรงกระแทกเวลาขับขี่ทั้งทางตรงและทางโค้ง

 

อีกทั้งยางรถยนต์ประเภทนี้ยังมีการเสริมเนื้อยางบริเวณแก้มยางเป็นพิเศษเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากการขับขี่ เพื่อให้ทุกการขับขี่เป็นไปได้อย่างนุ่มนวล ใช้พลังงานต่ำ มีความเกาะถนน และสามารถรีดน้ำได้เป็นอย่างดี โดยยางรถยนต์ประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์ประเภทที่มีสมรรถนะสูง หรือ รถยนต์ประเภท B-segment ขึ้นไป เช่น Mazda 2, Honda City, Honda Jazz เป็นต้น

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ที่เป็นยางประเภทนุ่มเงียบ ได้แก่ ยาง Michelin Primacy 4, ยาง Bridgestone Turanza T005A, ยาง Continental UC6, ยาง Yokohama V552 เป็นต้น

ยางรถยนต์สปอร์ต สมรรถนะสูง


    ยางรถยนต์สปอร์ตนับได้ว่าเป็นยางรถยนต์ประเภทที่ถูกยกระดับขึ้นมาอีกขั้นเพื่อให้มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการขับรถในสไตล์สปอร์ต เช่น รถยนต์ Subaru WRX, Mitsubishi Lancer Evo, Honda Civic Type R, Mazda 3, Toyota Yaris, Honda Jazz, Benz AMG, Aston Martin DB9, Ferrari F430, BMW M2 Coupe, M3 Sedan และ M4 Coupe เป็นต้น เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการผลิตยางรถยนต์ประเภทนี้ รวมถึงการออกแบบดอกยาง จะมีความแข็งแรงมากกว่ายางรถยนต์ประเภทนุ่มเงียบ เพื่อช่วยลดการโยนตัวในขณะที่เข้าโค้ง รวมถึงช่วยในการควบคุมและการตอบสนองต่อพวงมาลัยที่แม่นยำ และส่งเสริมสมรรถนะของรถยนต์ในระหว่างขับขี่ได้อย่างเต็มที่

 

โดยยางรถยนต์ประเภทสปอร์ตจะมีดอกยางอยู่ทั้งหมดสองแบบ ได้แก่ ดอกยางแบบทิศทางเดียว (Directional) และดอกยางแบบไม่สมมาตร (Asymmetric) ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะการใช้งาน แต่จะมีหน้าที่หลักที่เหมือนกันทั้งสิ้น 3 ประการ ได้แก่ การเกาะถนนได้ดี การรีดน้ำได้ดี และการเข้าโค้งได้ดี โดยดอกยางแบบไม่สมมาตรจะสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวของถนนเมื่อต้องเข้าโค้งได้ดีกว่า ในขณะที่ดอกยางแบบทิศทางเดียวจะช่วยเสริมสมรรถนะของรถเมื่อต้องขับขี่ทางตรง รวมถึงช่วยรักษาสมดุลของรถยนต์เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง และช่วยในการรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สำหรับยางรถยนต์ประเภทสปอร์ตจะมีจุดเด่นในเรื่องความสวยงามของดอกยาง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยตัวอย่างยางรถยนต์ที่เป็นยางประเภทสปอร์ต ได้แก่ ยาง Michelin Pilot sport 4, ยาง Bridgestone T005A, ยาง Continental MC6, ยาง Goodyear F1D5, ยาง Maxxis I-Pro, ยาง Apollo Aspire เป็นต้น

 

ยางรถยนต์ ประหยัดน้ำมัน

 

     ยางประหยัดน้ำมัน นับได้ว่าเป็นยางรถยนต์รูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นในเรื่องของการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างแท้จริง เนื่องจากยางรถยนต์ประเภทนี้ โดยปกติแล้วจะเป็นยางรถยนต์ในกลุ่ม Comfort ซึ่งสามารถรองรับความต้องการในด้านความนุ่มเงียบในระหว่างการขับขี่ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ ในขณะเดียวกันยางรถยนต์ประเภทนี้ก็ถูกออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพในการหมุนที่ดี ซึ่งหมายถึงการลดแรงต้านในการหมุน ส่งผลให้เกิดการคืนตัวของเนื้อยางเมื่อต้องสัมผัสกับพื้นผิวถนนที่เร็วกว่า เมื่อรถยนต์ออกตัวหรือวิ่งบนถนนจึงใช้พลังงานที่น้อยกว่าปกติ ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ส่งผลให้ยางรถยนต์ประเภทนี้กลายมาเป็นอีกส่วนประกอบที่สำคัญของรถยนต์ประเภท Eco Car อย่าง Toyota และ Honda รุ่นต่าง ๆ รวมถึง Nissan March ที่นิยมนำมาใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยไม่เน้นสมรรถนะของตัวรถมากนัก เนื่องจากยังมีข้อจำกัดเมื่อมีการขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยอาจจะเกิดการสั่นหรือร่อนเล็กน้อยได้

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ประเภทยางประหยัดน้ำมัน ได้แก่ ยาง Michelin XM2+ energy, ยาง Dunlop EC300 ensave, ยางบริสโตน Ecopia EP300, ยาง Hankook Kinergy เป็นต้น

 

ยางรถยนต์ ออฟโรด

 

     ยางออฟโรดเป็นยางรถยนต์ที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพในการขับขี่และสมรรถนะของรถยนต์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ (4WD) อย่าง SUV/CUV รวมไปถึงรถกระบะทั่วไป เช่น Mitsubishi Triton, Chevrolet Colorado, Nissan Navara, Mazda BT-50 และรถยนต์ที่เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน อย่างเช่น Ford Ranger, Jeep Cherokee, Isuzu Rodeo เป็นต้น เนื่องจากยางออฟโรดเป็นยางรถยนต์ที่มีแข็งแกร่งจึงสามารถนำมาใช้สำหรับการขับขี่ได้บนทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นถนนลูกรังขรุขระ มีดินโคลน น้ำขัง พื้นทราย ขึ้นภูเขา ลุยน้ำ หรือทางลาดชัน ยางรถยนต์ประเภทนี้ก็สามารถเกาะถนนและตอบสนองกับพวงมาลัยได้อย่างดีเยี่ยม

 

โดยยางรถยนต์ประเภทยางออฟโรด สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของการใช้งานและดอกยาง ได้แก่ Highway Terrain, All Terrain และ Mud Terrain

 

• ยางรถยนต์ Highway Terrain (90% Road + 10% Off-Road)

 

     ยางรถยนต์ประเภท Highway Terrain หรือที่มีตัวย่อสลักอยู่ข้างล้อว่า H/T เป็นยางรถยนต์ประเภทออฟโรดที่ลักษณะโครงสร้างของยางไม่ได้ซับซ้อนไปกว่ายางเรเดียล (Redial) ทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะให้มาพร้อมกับรถยนต์ที่เพิ่งออกมาจากโรงงานผลิต ซึ่งจะเหมาะสำหรับการนำมาใช้เพื่อขับขี่บนถนนที่เป็นทางเรียบทั่วไป เนื่องจากลักษณะของดอกยางเป็นแบบละเอียด (Rib Pattern) หรือ เป็นแนวยาวตามเส้นรอบวงยาง จึงช่วยในเรื่องของความเงียบ ประหยัดน้ำมัน รวมถึงสามารถระบายความร้อนสะสม และยึดเกาะถนนได้ดี

 

โดยยางรถยนต์ประเภทนี้มีข้อจำกัดในการบรรทุกของหนักมาก ๆ และการนำไปวิ่งลุยบนเส้นทางธรรมชาติ เพราะอาจจะส่งผลให้แก้มยางฉีกขาดเสียหายได้ง่ายจากทิ่ม แทง บด เบียด ของเศษหินก้อนใหญ่และท่อนไม้บนพื้นทางธรรมชาติ

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ประเภท Highway Terrain ได้แก่ ยาง Bridgestone DUELER H/L 683, ยาง BF GOODRICH RADIAL LONG TRAIL T/A TOUR, ยาง FALKEN S/TZ 04, ยาง Goodyear WRANGLER HP ALL WEATHER เป็นต้น

 

• ยางรถยนต์ All Terrain (60% Road + 40% Off-Road)

 

     ยางรถยนต์ออฟโรดประเภท All Terrain หรือที่มีตัวย่อบนยางว่า A/T เป็นยางรถยนต์ประเภทที่รถกระบะทั่วไปนิยมใช้ เนื่องจากตัวดอกยางมีขนาดใหญ่ หนา และหยาบกว่ายางรถยนต์แบบ H/T หรือ Highway Terrain อีกทั้งร่องยางยังถูกออกแบบมาเพื่อให้มีระยะห่างออกจากกันเล็กน้อย ส่งผลให้ดอกยางสามารถสัมผัสกับพื้นผิวของถนนได้มากขึ้น จึงสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย ทั้งบนถนนทางเรียบและการลุยบนเส้นทางที่ขรุขระและมีอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ประเภท All Terrain ได้แก่ ยาง BF GOODRICH RADIAL ALL TERRAI, ยาง Bridgestone DUELER A/T 697, ยาง Michelin LATITUDE CROSS, ยาง TOYO TIRES OPEN COUNTRY A/T เป็นต้น

 

• ยางรถยนต์ Mud Terrain (15% Road + 85% Off-Road)

 

     ยาง Mud Terrain หรือที่มีตัวย่อว่า M/T เป็นยางรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับงานลุยโดยเฉพาะ เนื่องจากดอกยางมีลักษณะเป็นดอกบล็อก (Block Pattern) ทำให้ดอกยางมีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมหรือวงกลม จึงมีความแข็งแกร่งและทนทานต่อการบด เบียด ทิ่ม แทง จากเศษหินเศษไม้บนเส้นทางธรรมชาติได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถตะกุยดินและลดการยึดเกาะของดินโคลนบนยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ออฟโรดหรือรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ต้องเดินทางผ่านเส้นทางทุรกันดารที่มีความขรุขระ รวมถึงมีหินโคลนหรือน้ำเป็นอุปสรรคโดยเฉพาะ

 

โดยยางรถยนต์ประเภทนี้ไม่นิยมนำมาใช้สำหรับการวิ่งบนถนนทั่วไป เนื่องจากมีน้ำหนักมากจึงทำให้เกิดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่ายางรถยนต์ประเภทอื่น อีกทั้งเมื่อวิ่งแล้วยังเกิดเสียงดัง และไม่เกาะถนนเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ประเภท Mud Terrain ได้แก่ ยาง BF GOODRICH RADIAL MUD TERRAIN, ยาง DUNLOP MT2, ยาง YOKOHAMA GEOLANDAR M/T เป็นต้น

 

ยางรถยนต์รันแฟลต (ยาง Run Flat)

 

      ยางรถยนต์ประเภท RunFlat เป็นยางรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวงการยางรถยนต์ ด้วยการออกแบบแก้มยางด้วยวัสดุพิเศษซ้อนกันหลายชั้นทำให้ตัวยางมีความแข็งและทนทาน เมื่อประสบอุบัติเหตุยางแบน รั่ว ซึม หรือระเบิด ยางรถยนต์ประเภทนี้จึงสามารถทรงตัวและทำให้ล้อสามารถหมุนต่อไปได้อีกระยะหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องหยุดรถเพื่อเปลี่ยนยางอะไหล่ จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดเหตุไม่คาดคิดหากต้องจอดรถยนต์ไว้ริมถนน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว

 

สำหรับยางรถยนต์ประเภท RunFlat ยังไม่ได้รับความนิยมที่มากนักเนื่องจากมีราคาสูง แต่สามารถพบเห็นได้จากรถยนต์แบรนด์ BMW อย่างเช่นในรุ่น 520d, 523i, 525i, 318 และ 320 เป็นต้น

 

ตัวอย่างยางรถยนต์ประเภทยาง RunFlat ได้แก่ ยาง PIRELLI P ZERO Runflat, ยาง MICHELIN Primacy 3 ZP Runflat, ยาง BRIDGESTONE POTENZA S001 RFT, ยาง GOODYEAR Eagle F1 Asymmetric 2 ROF เป็นต้น

  

Tel : 081 955 0826
E-Mail : chaichod999@gmail.com
Line : @chaichod

line
facebook
phone