ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่
ถ้าจะให้เปรียบเทียบรถยนต์เป็นร่างกายมนุษย์ ยางรถยนต์ก็เปรียบเสมือนเท้าที่พาเราไปในทุกๆ ที่ เช่นเดียวกับที่เราต้องการรองเท้าดีๆ สักคู่เช่นกัน ยางรถยนต์จึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของรถ การเลือกซื้อชุดยางดีๆ นอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้กับรถของเราแล้ว ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่รถของเราอีกด้วย คนส่วนใหญ่มักจะใช้การนับระยะเวลาในการเปลี่ยนยาง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีวิธีหรือคู่มือที่บอกชัดๆ ว่าเราควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่ เพราะรถแต่ละคนใช้งานมาไม่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สังเกตุง่ายๆ ว่าเมื่อไหร่ควรจะเปลี่ยนยางสักที ให้ดูที่ความลึกของดอกยางและวันที่ผลิต ปัจจัยสองอย่างนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ทั่วๆ ไปที่ไม่ได้มีการใช้แบบสมบุกสมบัน แต่ถ้าในกรณีที่รถมมีการวิ่งระยะทางไกลๆ ทุกวัน หรือยางผ่านการโดนตะปูตำ หรือผ่านการปะยางมาแล้ว อายุการใช้งานของยางจะลดลง
เปลี่ยนยางทุกๆ 5-6 ปี
ถ้ารถยนต์ปกติทั่วๆ ไป ไม่ได้ขับระยะทางไกลๆ ทุกวัน ให้จำไว้ว่าทุกๆ 5-6 ปี ควรเปลี่ยนยาง อันนี้ถือเป็นมาตรฐานที่โรงงานผลิตยางทุกบริษัทแนะนำ และภายใน 5-6 ปีที่มีการใช้งานควรจะมีการสลับยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่อยู่เป็นประจำทุกปีหรือทุกๆ ไตรมาสก็ได้ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง และเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากการนับระยะเวลาในการเปลี่ยนยางแล้ว ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบคุณภาพยางของรถยนต์ด้วยสายตาเป็นประจำเพื่อดูว่าดอกยางของรถเราสึกหรอไปมากน้อยเพียงใด เป็นการสำรวจสภาพยางเบื้องต้น
เราจะสังเกตุได้อย่างไรเมื่อยางรถยนต์ของเราเริ่มเสื่อม
เราจะสามารถสังเกตุได้จาก รถยนต์ของเราเริ่มสูญเสียการควบคุมเมื่อต้องขับผ่านแอ่งน้ำเล็กๆ หรือขับรถระหว่างฝนตก หากรู้สึกว่ารถของเราเริ่มไม่ยึดเกาะถนน เบรกเริ่มยากหรือเบรกไม่ค่อยอยู่ ควรเปลี่ยนยางทันที แม้ว่าจะยังมีดอกยางอยู่ก็ตาม แต่สภาพยางอาจจะเก่าเกินไปจนทำให้ไม่ยึดเกาะถนนน สาเหตุมาจากยางแห้งแข็งและแตก ถ้าปล่อยเอาไว้ทนใช้งานไปแบบนั้นอาจจะเสี่ยงยางระเบิดระหว่างขับรถได้• วัดความลึกของดอกยาง วิธีง่ายๆ ก็คือ ลองเอาเหรียญบาท วางไประหว่างร่องดอกยาง ถ้าดอกยางของเราต่ำกว่าเหรียญบาทประมาณ ⅓ ควรเปลี่ยนยางทันที เพราะนั่นหมายความว่าดอกยางเหลือน้อยมากๆ แล้ว หรือในกรณีที่ตรวจดูด้วยตัวเองแล้วไม่แน่ใจ ลองแวะไปที่ร้านขายยางให้ลองใช้เครื่องตรวจดูก็ได้ โดยพนักงานจะใช้อุปกรณ์จิ้มลงไปบนร่องยางรถของเราเพื่อตรวจสอบความลึกของดอกยาง วิธีนี้จะได้ผลที่แม่นยำที่สุด
• นับอายุการใช้งานของยางรถยนต์ อย่างที่กล่าวไว้แล้วเบื้องต้นว่า มาตรฐานในการเปลี่ยนยางคือทุกๆ 5 ปี แต่ทั้งนี้ หากเราใช้รถอย่างสมบุกสมบัน วิธีนับอายุยางอาจจะนำใช้ไม่ได้ ยิ่งขับรถมากเท่าไหร่ การสึกหรอของยางจะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้นเท่านั้น บวกกับปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพถนน สภาพอากาศ บางกรณีที่รถยังมีดอกยางเหลืออยู่มาก แต่หากใช้ยางมาเกิน 5 ปี ก็สมควรเปลี่ยนยางอยู่ดี เทคนิคในการดูอายุยาง บนยางรถยนต์ของเราจะมีตัวเลขอยู่ เช่น 253/40 R18 และจะมีเลขในวงเล็บอีก 4 ตัว ตัวเลขเหล่านี้บอกอะไร
- ตัวเลข 253 คือขนาดของยาง มีหน้ากว้าง 253 มิลลิเมตร
- ตัวเลข 40 คือ ซีรีย์ หรือความสูงของแก้มยาง มักจะเรียกเป็น % คือ 40% ของ 253 มม. (253x40%= 101.2 มม.) เท่ากับว่ายางรถของเรามีแก้มยางสูง 101.2 มม.
- ตัว R คือ โครงสร้างของยาง R = เรเดียล
- ตัวเลขบนยางที่บอกปีที่ผลิตยางจะมี 4 ตัว เช่น 0118 เลข 2 ตัวหน้าหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิดยางเส้นนี้ และเลข 2 ตัวหลังจะปี ค.ศ.ที่ผลิต อ่านได้ว่า ยางเส้นนี้ผลิตในปี 2018 ในสัปดาห์แรกของปี
ในกรณีที่ไม่ค่อยได้ใช้รถจริงๆ อาจจะยืดเวลาเปลี่ยนยางรถออกไปได้มากกว่า 5-6 ปี แต่ยังไงก็แล้วแต่ไม่ควรเกิน 10 ปี เพราะยางรถยนต์จะแข็งและเปราะแตก เมื่อเวลาผ่านไปแม้จะไม่ค่อยได้ใช้งานก็ตาม ซึ่งอาจทำให้เนื้อยางแตกตัวหรือเกิดรอยแตกลายงาได้ ถ้ามีรอยแตกรอบๆ ยาง เป็นสัญญาณว่าควรเปลี่ยนยางทันที
• ซื้อยางใหม่ดีกว่ายางเปอร์เซ็นต์ การเปลี่ยนยางแต่ละที ต้องใช้เงินเยอะพอสมควร บางคนเลยเลือกที่จะใช้เปลี่ยนมาใช้ยางเปอร์เซ็นต์แทน จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้ใช้ยางมือสองหรือยางเปอร์เซ็นต์ เพราะสุดท้ายแล้วยางเปอร์เซ็นต์พวกนี้ก็คือยางที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อเรานำมาใช้ต่ออีกไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนยางใหม่อยู่ดี จะกลายเป็นเสียน้อยเสียยากซะเปล่าๆ ชุดยางใหม่ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายราคา ไม่ได้แพงเสมอไป และตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์แต่ละที่ก็แข่งขันกันออกโปรโมชั่นต่างๆ เช่น ผ่อน 0% นาน 6 เดือน หรือโปรโมชั่นลดราคามากมาย นี่จึงเป็นเหตุผลดีๆ ว่า ควรซื้อยางชุดใหม่แทนการใช้ยางเปอร์เซ็นต์ แบรนด์สมัยใหม่บางยี่ห้อ นอกจากจะมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมแล้ว ยังมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยทำให้ยางชุดนั้นๆ ประหยัดเชื้อเพลิงของรถเราอีกด้วย
• เมื่อขับรถชนสิ่งกีดขวาง อีกข้อที่ควรเปลี่ยนทันที คือ เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุชนกับสิ่งกีดขวางหรือชนกับรถยนต์ด้วยกัน หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เช่น การบังคับล้อยากขึ้น มีเสียงดัง มีแรงสั่นสะเทือนมาจากล้อ ลองปล่อยมือจากพวงมาลัยแล้วรถไม่ไปในแนงเส้นตรง อาจจะต้องเปลี่ยนยางและให้ผู้เชี่ยงชาญตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ทั้งหมด
อีก 1 ปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้ คือ เมื่อยางรถของเราผ่านการรั่วและมีแผลที่เกิดจากการปะยางมาแล้ว ยางเส้นนั้นถือเป็นยางที่ไม่สมบูรณ์ เราจะนับระยะเวลาอายุการใช้งานยางตามมาตรฐาน 5 ปีไม่ได้ การปะยางเพียงเพื่อทำให้รถสามารถวิ่งไปยังจุดหมายได้และเป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น เมื่อมีโอกาสและกำลังทรัพย์พร้อม ควรเปลี่ยนทันที
แต่ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจว่ายางรถยนต์ของคุณควรจะเปลี่ยนแล้วหรือไม่ สภาพยางแบบนี้ขับต่อไปจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า คุณสามารถแวะมาที่ ชัยโชติ ได้ ที่นี่เรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา แนะนำ ตรวจเช็คสภาพยาง พร้อมตั้งศูนย์ถ่วงล้อ และเรายังมีบริการช่วยเหลือ เปลี่ยนยางนอกสถานที่อีกด้วย
นอกจากนี้ Chaichod เป็นผู้จัดจำหน่ายยางรถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย ขายส่งยางรถทุกประเภททั้งแบรนด์ไทย-และยางนำเข้าจากโรงงานผลิตยางรถยนต์ เราพร้อมเปิดรับตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ ทั้งร้านขายส่งยางรถยนต์ ร้านขายส่งยางรถบรรทุก ทั้งร้านขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น ยางรถยนต์ทั่วไป ยางรันแฟลต ยางรถบรรทุก ยางรถฟอล์คลิฟท์ ยางรถโดยสาร ยางรถกอล์ฟ ยางรถตัก ยางรถไถ รวมไปถึงยางรถเกษตรต่าง ๆ จากยี่ห้อชั้นนำอาทิ ยาง bridgestone ยาง yokohama ยาง goodyear ยาง hankook ทั้งขายปลีก ขายส่งยาง โดยเรามีความเชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์ และด้านการบริการซ่อมบำรุง คุณมั่นใจได้เลยว่า คุณจะได้รับบริการและคำแนะนำอย่างน่าประทับใจจากเรา
ก่อนจบบทความนี้ ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยเทคนิคการดูแลยางรถยนต์ให้ใช้ไปได้นานๆ มาฝากกัน
- ตรวจสอบลมยางทุกๆ เดือน
- หมั่นคอยตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ของเรา เช่น มีรอยแตกลายงาหรือไม่ ยางแข็งเกินไปหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรตรวจสอบสภาพยางทุกครั้งก่อนการเดินทางไกล!
- พยายามไม่บรรทุกของที่หนักเกินกำลังของรถ
- ควรเลือกยางให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
