หลังจากซื้อรถใหม่ควรเปลี่ยนยางอีกครั้งเมื่อไหร่ และมีวิธีการเลือกซื้อยางอย่างไร ?
หลังจากซื้อรถใหม่ควรเปลี่ยนยางอีกครั้งเมื่อไหร่ และมีวิธีการเลือกซื้อยางอย่างไร ?

หลังจากซื้อรถใหม่ควรเปลี่ยนยางอีกครั้งเมื่อไหร่ และมีวิธีการเลือกซื้อยางอย่างไร ?

เทคนิคและช่วงเวลาที่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์

 
ส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ที่เราควรหมั่นเช็คเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนนั่นก็คือ ‘ยางรถยนต์’ เราเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักยางรถยนต์กันเป็นอย่างดีแต่บางคนก็อาจไม่ทราบถึงคุณสมบัติเด่นของยางรถยนต์แต่ละยี่ห้อในท้องตลาดไม่ว่าจะเป็นยาง บริสโตน (ยาง bridgestone) ,ยางโยโกฮาม่า (ยาง yokohama), ยางกู๊ดเยียร์ (ยาง goodyear) และยางฮันคุก (ยาง hankook) เป็นต้น
 
 
ดังนั้นถ้าเราต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ให้ถูกใจและเหมาะสมกับการใช้งานเราก็สามารถปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ ซึ่งในปัจจุบันตลาดของยางรถยนต์ก็ขยายในวงกว้างขึ้นส่งผลให้เราจะเห็นทั้งตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ปลีก ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ขายส่ง หรือโรงงานผลิตยางรถยนต์ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้รองรับและตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะในรูปแบบซื้อยางรถไปใช้งานเองหรือเพื่อซื้อไปจัดจำหน่ายต่อตลาดยางรถยนต์ก็พร้อมซัพพอร์ตทั้งราคาปลีกและราคาส่ง


ความสำคัญของยางรถยนต์

ยางรถยนต์เป็นเพียงส่วนประกอบเดียวของรถยนต์ที่ได้สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้นเราจึงต้องเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับประเภทของรถยนต์ แต่ถ้าเราไม่ทราบว่ารถยนต์ของเราจะเหมาะสมกับยางรถยนต์ลักษณะใดเราก็สามารถปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์เพื่อเราจะได้รับยางรถยนต์ที่เหมาะกับประเภทของรถและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ที่ว่ายางรถยนต์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญแต่จะสำคัญอย่างไร ไปอ่านพร้อมๆ กันเลย

  • ยางรถยนต์สามารถช่วยลดแรงกระแทกขณะขับขี่ส่งผลให้ถึงแม้รถยนต์จะวิ่งบนถนนขรุขระเราก็จะรู้สึกไม่กระแทกจนเกินไป

  • ยางรถยนต์สามารถช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ อาทิเช่น เมื่อวิ่งบนถนนที่มีลูกระนาดถ้าเรารู้วิธีการเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณภาพการสั่นสะเทือนเมื่อวิ่งผ่านลูกระนาดก็จะลดน้อยลงโดยตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ปลีก-ขายส่งยางก็จะสามารถช่วยแนะนำยางรถยนต์แต่ละยี่ห้อได้พร้อมทั้งบอกถึงลักษณะเด่นของแต่ละยี่ห้อเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกยางรถของเรา

  • ยางรถยนต์สามารถช่วยในเรื่องของการเปลี่ยนทิศทางในการขับขี่ อาทิเช่น การเลี้ยวไปทางซ้ายหรือเลี้ยวไปทางขวา เป็นต้น เพราะการบังคับพวงมาลัยรถยนต์จะส่งผลโดยตรงกับการบังคับยางรถยนต์เช่นกัน

  • ยางรถยนต์คุณภาพจะช่วยรองรับน้ำหนักของรถยนต์ได้ดีกล่าวคือลมในยางรถยนต์จะไม่อ่อนง่าย เติมลมหนึ่งครั้งสามารถวิ่งระยะทางไกลและในระยะเวลานานได้ ทั้งนี้สามารถขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับยางรถยนต์ได้กับตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์หรือโรงงานผลิตยางรถยนต์มืออาชีพได้ที่นี่

หลังจากซื้อรถใหม่ควรเปลี่ยนยางอีกครั้งเมื่อไหร่?

ถ้าถามคำถามที่ว่า ‘หลังจากซื้อรถใหม่ควรเปลี่ยนยางอีกครั้งเมื่อไหร่ดี?’ เราคงได้คำตอบที่เป็นทฤษฎีหลายคำตอบกันเลยทีเดียว บ้างก็ว่า 3 ปีเปลี่ยน, บ้างก็ว่า 4 ปีเปลี่ยน, บ้างก็ว่าวิ่งครบ 2 หมื่นกิโลเมตรเปลี่ยน, บ้างก็ว่าวิ่งครบ 5 หมื่นกิโลเมตรเปลี่ยน แต่นั่นก็เป็นเพียงคำตอบทางทฤษฎีเท่านั้นเพราะในความเป็นจริงแล้วการเปลี่ยนยางรถยนต์นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและคอยหมั่นสังเกตสภาพยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน ซึ่งถ้าถามว่าควรเปลี่ยนยางรถเมื่อไหร่เราจะขอแนะนำวิธีสังเกตยางรถยนต์แบบง่ายๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้นำไปปรับใช้และตรวจสอบยางรถยนต์ของตัวเอง
 
  • สังเกตสภาพของยางรถบริเวณสะพานยางซึ่งสามารถดูได้ด้วยตาเปล่าและใช้มือจับเพื่อที่จะได้ทราบถึงความลึกของผิวหน้ายางไปจนถึงมาร์คเช็ค โดยถ้ายางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ความลึกจะอยู่ที่ประมาณ 8-10 มิลลิเมตร แต่ถ้าหากยางรถมีอาการเสื่อมสภาพความลึกนั้นจะน้อยลง อาทิเช่น อยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิเมตร เป็นต้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็สามารถเปลี่ยนยางได้เลยไม่ต้องรอครบกำหนดใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์

  • สังเกตที่หน้าสัมผัสของยางรถบริเวณร่องดอกยางและช่วงสะพานยาง หากมีการสัมผัสกันจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถใหม่แล้ว สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมยางรถแต่ละยี่ห้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ มีทั้งยี่ห้อยาง bridgestone, ยาง yokohama, ยาง goodyear และยาง hankook หรือขอใบเสนอราคาขายปลีก ขายส่งยาง โรงงานผลิตยางรถยนต์ได้ที่นี่ฟรี

  • สังเกตการสึกของหน้ายางโดยปกติแล้วหน้ายางจะมีความเรียบที่สม่ำเสมอกัน แต่ถ้าหากใช้งานไประยะหนึ่งบริเวณการสึกของยางอาจมีความแตกต่างกัน ดังนั้นถ้ายางรถมีการสึกไปข้างใดข้างหนึ่งจนเป็นที่สังเกตได้ก็เป็นสัญญาณได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถใหม่ได้แล้ว

  • ยางรถได้รับความเสียหายอย่างกะทันหัน อาทิเช่น ยางรั่วซึม, ยางระเบิด, แก้มยางฉีดขาด หรือยางบวม เป็นต้น เราก็สามารถเลือกเปลี่ยนยางรถใหม่ได้ทันที

  • สังเกตการเบรกและการรีดน้ำ เมื่อขับรถไประยะหนึ่งถ้าเกิดความผิดปกติขึ้น อาทิเช่น รถหน่วงความเร็วได้ไม่ดีเท่าที่ควร, ขณะเบรกมีเสียงดัง, ขณะเบรกต้องใช้ระยะเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น เบื้องต้นหากเช็คระบบของรถแล้วว่าปกติดีน้ำมันเบรกไม่รั่วซึม ก็อาจสรุปได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้วนั่นเอง

  • สังเกตหน้ายางว่ามีรอยแตกลายงาโดยปกติแล้วเราจะคอยสังเกตเมื่อได้เปลี่ยนยางไปแล้ว 3 ปี แต่พบว่ายางมีรอยแตกลายงาจำนวนมากแนะนำว่าควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองในขณะขับขี่รถยนต์

  • หากขณะขับรถในวันที่ฝนตกถนนลื่น เมื่อเลี้ยวรถไปทางซ้ายหรือทางขวาและรู้สึกรถไถล สาเหตุเป็นเพราะว่ายางรถเริ่มเสื่อมสภาพแล้วนั่นเองส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำของยางรถน้อยลงหากไม่รีบเปลี่ยนยางใหม่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ แนะนำให้ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์มืออาชีพเพื่อที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้แนะนำยางรถแต่ละยี่ห้อเพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ต่อความต้องการคุณมากที่สุด ยางบริสโตน, ยางโยโกฮาม่า, ยางกู๊ดเยียร์ หรือยางฮันคุก เป็นต้น
 

แนะนำวิธีการเลือกซื้อยางรถยนต์

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นยี่ห้อยางรถในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลากหลายยี่ห้อให้ได้เลือกสรรโดยแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น ยาง บริสโตน (ยาง bridgestone) ,ยางโยโกฮาม่า (ยาง yokohama), ยางกู๊ดเยียร์ (ยาง goodyear) หรือยางฮันคุก (ยาง hankook) สามารถขอรายละเอียดหรือใบเสนอราคาได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์หรือโรงงานผลิตยางรถยนต์ ขายส่งยางได้ที่นี่ และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทราบถึงวิธีการเลือกซื้อยางเพื่อที่ทุกคนจะสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะรถของคุณ
 
 
  1. เลือกลักษณะยางรถที่ใช่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ อาทิเช่น รถอีโค่คาร์ (Eco-Car) ที่เน้นใช้งานขับขี่ในชีวิตประจำวันก็สามารถเลือกยางที่ประหยัดน้ำมันโดยมีคุณลักษณะเด่นในเรื่องการยึดเกาะถนนได้ดีไม่ว่าจะถนนแห้งหรือถนนเปียกก็ตาม

  2. เลือกขนาดของยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน อาทิเช่น ถ้าเราใช้รถเพื่อขับขี่ไปทำงานไม่ได้ขับขี่ในถนนแบบสมบุกสมบัน ก็สามารถเลือกยางรถแบบธรรมดาเพราะจะมีคุณสมบัติไม่แข็งกระด้างจนเกินไปเวลาขับขี่จะได้รู้สึกนุ่มสบาย

  3. เลือกดอกยางให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้รถ เพราะดอกยางที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกันโดยแบ่งลักษณะของดอกยางตามทิศทาง ดังต่อไปนี้
    • ดอกยางแบบทิศทางเดียวจะมีลักษณะของลายดอกยางซ้ายและขวาที่หมุนไปในทิศทางเดียวกันจะเหมาะสำหรับรถที่ขับขี่ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ใช้งานแบบสมบุกสมบัน
    • ดอกยางแบบสองทิศทางจะมีลักษณะของลายดอกยางซ้ายและขวาสวนทางกันจะเหมาะสำหรับรถที่ต้องการความมั่นใจขณะที่ขับเร็วถึงแม้ว่าจะฝนตกก็จะสามารถยึดเกาะถนนได้ดีเพราะยางสามารถรีดน้ำได้ค่อนข้างเร็ว
    • ดอกยางแบบไม่สมมาตรจะมีลักษณะของลายดอกยางซ้ายและขวาไม่เหมือนกันจะเหมาะสำหรับรถที่ต้องการการยึดเกาะถนนสูงมาก

 


Tel :
081 955 0826

E-Mail : chaichod999@gmail.com
Line : @chaichod

line
facebook
phone